วันเสาร์ที่ 13 มกราคมนี้จะมีเลือกตั้งสำคัญที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาไต้หวัน สิ่งที่หลายฝ่ายจับมองและติดตามอย่างใกล้ชิด คือ โฉมหน้าของว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไป เพราะนี่จะเป็นตัวชี้วัดสถานะความตึงเครียดบบนช่องแคบไต้หวันว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นหรือไม่เพราะในช่วงหลังๆ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนออกมาระบุหลายครั้งว่า ไม่เคยตัดความเป็นไปได้ในการรวมไต้หวันด้วยการใช้กำลัง
3 แคนดิเดตประธานาธิบดีไต้หวัน 3 ทิศทางความสัมพันธ์กับจีน
สารปีใหม่ “สี จิ้นผิง” ยอมรับเศรษฐกิจจีนยากลำบาก-มั่นใจผนวกไต้หวันได้
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 8 ของไต้หวัน พรรคต่างๆ ได้ลงพื้นที่หาเสียงและปราศรัยใหญ่ เพื่อเรียกคะแนนจากประชาชนตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา สำหรับพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ DPP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลปัจจุบัน ได้จัดแคมเปญหาเสียงรอบไต้หวันตลอด 4 วัน 3 คืนที่ผ่าน และเพิ่งเสร็จสิ้นการหาเสียงใหญ่ไปเมื่อวานนี้
ผู้ลงท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากพรรคนี้ คือ ไล่ ชิงเต๋อ หรือ วิลเลียม ไล่ รองประธานาธิบดีคนปัจจุบันของไต้หวัน ซึ่งมีนโยบายต่อต้านการแทรกแซงการเลือกตั้งและประกาศจะลดการพึ่งพาจากจีนคำพูดจาก นสล็อตออนไลน์
ขณะที่พรรคชาตินิยมจีน หรือ ก๊กมินตั๋ง ก็ได้หาเสียงครั้งใหญ่ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แคมเปญดังกล่าวถูกจัดขึ้นที่นครเกาสง เมืองใหญ่ทางตอนใต้ของไต้หวัน ภายใต้ชื่อว่า “วันอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่” หรือ Super Sunday ซึ่งภายในงานมีผู้สนับสนุนพรรคก๊กมินตั๋งหลายร้อยคนมาเข้าร่วมและให้กำลังใจ โหว โหย่วอี๋ สำหรับจุดยืนของผู้สมัครรายนี้ต่อจีนคือ ต้องการสนทนาและทำความร่วมมือด้านต่างๆ กับจีนให้มากขึ้น ตลอดจนยุติความแตกแยกในสังคมและป้องกันการเผชิญหน้าทางการทหารระหว่างกองทัพจีนและกองทัพไต้หวัน
ส่วนพรรคใหญ่อันกับ 3 อย่าง พรรคประชาชนไต้หวัน หรือ TPP ก็ได้จัดแคมเปญใหญ่ขึ้นที่นครเกาสงเช่นกัน โดยบรรดาผู้สนับสนุนต่างมารวมตัวกันเพื่อส่งกำลังใจให้ เค่อ เหวินเจ๋อ หัวหน้าพรรคผู้ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี สำหรับนโยบายของพรรคประชาชนไต้หวันที่มีต่อจีนคือ การรักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและจีน โดยไม่ยั่วยุจีนจนทำให้เกิดสงคราม แต่ก็ไม่โอนอ่อนผ่อนตามจีนจนเกินไป
จีนและเศรษฐกิจในประเทศ ประเด็นสำคัญเลือกตั้ง
การเลือกตั้งในไต้หวันครั้งนี้ นับว่ามีมิติที่หลากหลายกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะเกิดขึ้นในวันที่ความสัมพันธ์บนช่องแคบตึงเครียด
นักข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์สได้ไปสอบถามความคิดเห็นประชาชนไต้หวันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนหลังจากนี้คำตอบจากประชาชนไต้หวันมีหลากหลาย บางคนระบุว่า ไต้หวันจะต้องชัดเจนมากขึ้นว่าตนเองจะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่ และต้องชัดเจนว่าใครก็ตามที่โจมตีไต้หวันจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ ขณะที่ประชาชนบางคนระบุว่า อยากเห็นไต้หวันมีสันติภาพและความร่วมมือที่ดีกับจีนมากกว่า
ขณะที่สตีเฟน ตัน กรรมการผู้จัดการกลุ่มที่ปรึกษาด้านนโยบายระหว่างประเทศ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งไต้หวัน 2024 ไว้ว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญในการผดุงสันติภาพและเสถียรภาพบนช่องแคบไต้หวัน เพราะผู้ชนะการเลือกตั้ง ท่าทีของสหรัฐฯ และปฏิกริยาของจีนหลังจากนี้ จะเป็นสิ่งที่กำหนดสันติภาพและเสถียรภาพบนช่องแคบไต้หวัน
สตีเฟน ตัน มองว่าถ้าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบราบรื่น สหรัฐฯ และว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันต้องให้คำมั่นว่าจะรักษาสถานะที่เป็นอยู่กับจีน หรือ Status quo เอาไว้
การรักษาสถานะที่เป็นอยู่หรือ Status quo หมายถึงการที่สหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายจีนเดียวและป้องกันไม่ให้ไต้หวันประกาศตนเองเป็นรัฐเอกราช ขณะเดียวกันก็ยังคงให้การสนับสนุนเพื่อให้ไต้หวันป้องกันตนเองจากภัยคุกคามได้
นอกจากนี้ สตีเฟน ตัน ยังได้ประเมินสถานการณ์ที่ผู้สมัครจากพรรคต่างๆ ชนะการเลือกตั้ง โดยระบุว่าหากวิลเลียม ไล่ ซึ่งเป็นผู้แทนของพรรครัฐบาลปัจจุบันชนะการเลือกตั้ง นโยบายต่างๆ ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก เพราะเขาถือเป็นผู้สืบทอดของไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แต่ถ้าโหว โหย่วอี๋ ชนะการเลือกตั้งนี่อาจเป็นจุดผลิกผัน เพราะไม่มีใครทราบนโยบายการต่างประเทศของพรรคก๊กมินตั๋งแบบแน่ชัด เนื่องจากภายในพรรคมีความแตกแยกและไม่ลงรอยกัน โดยเฉพาะด้านนโยบายภายในและนอกประเทศ
ขณะที่ถ้าเค่อ เหวินเจ๋อ ผู้สมัครหน้าใหม่เป็นฝ่ายชนะ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะไม่มีใครทราบได้ว่าจุดยืนที่แท้จริงของผู้สมัครรายนี้คืออะไร ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่แน่นอนในอนาคตข้างหน้า
อย่างไรก็ดี สตีเฟน ตัน ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งไต้หวันครั้งนี้ ไม่ได้ถูกผูกติดอยู่กับประเด็นความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับนโยบายภายในของไต้หวันด้วย โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ เนื่องจากสิ่งที่คนรุ่นใหม่มองหาจากผู้สมัครตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ คือ เขาจะทำให้ชีวิตคนไต้หวันดีขึ้นอย่างไรบ้างหลังจากนี้หนึ่งปี หรืออีกสิบปีข้างหน้า ส่วนนโยบายที่มีต่อจีนไม่ใช่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าสถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้จะสามารถเปลี่ยนไปได้ในระยะสั้นด้านสำนักข่าว CNN ได้ลงพื้นที่ไปสอบถามคนหนุ่มสาวในไต้หวันเกี่ยวกับกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าพวกเขามีความเห็นอย่างไรบ้าง พวกเขาบอกว่าสิ่งที่นักการเมืองควรให้ความสนใจ คือ ปากท้องของประชาชน
เศรษฐกิจไทเป
ปี 2023 ที่ผ่านมา อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไต้หวันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.2 เท่านั้น ซึ่งลดลงอย่างมากจากอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 4.2 ในช่วงระหว่างปี 2020-2022สำหรับการคาดการณ์ในปีนี้ เศรษฐกิจไต้หวันจะเติบโตเพียงร้อยละ 1.61 เท่านั้น ถือว่าเป็นการเติบโตที่น้อยที่สุดในรอบแปดปี ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากความต้องการเทคโนโลยีในตลาดโลกที่ลดลง
ข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติไต้หวันชี้ว่า เงินเดือนเฉลี่ยของชาวไต้หวันอยู่ที่ประมาณ 1,386 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 48,510 บาทซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงในกลุ่ม 4 เสือแห่งเอเชีย อย่างเกาหลีใต้ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 1,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 69,650 บาท
นอกจากนี้ ไต้หวันกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงจากราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดที่อยู่อาศัย ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อของไต้หวันเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 2.71
ส่วนประเด็นความสัมพันธ์กับจีน คนไต้หวันรุ่นใหม่บอกกับสำนักข่าว CNN ว่า การถกเถียงที่เกี่ยวกับอนาคตของไต้หวันที่กำลังดำเนินอยู่นั้น เป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรคต่างๆ และนำไปสู่ความแตกแยก แต่ทางเลือกเดียวจริงๆ ที่ไต้หวันมีคือ การรักษาสถานะที่เป็นอยู่แบบปัจจุบันเอาไว้ โดยไต้หวันมีสิทธิปกครองตนเอง แต่ก็ไม่ได้ประกาศเป็นรัฐเอกราช
นี่คือการเลือกตั้งที่จะชี้อนาคตไต้หวัน เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา ท่าทีของจีนชัดเจนมากว่าต้องการรวมไต้หวัน และจะใช้กำลังถ้ามีความจำเป็นประธานาธิบดีสีประกาศว่า จะทำทุกทางเพื่อให้การรวมชาติเป็นไปอย่างสันติ แต่จะไม่ทนกับการแทรกแซงจากภายนอก รวมถึงความพยายามของการเรียกร้องเอกราชของคนบางกลุ่มในไต้หวัน การประกาศครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
จีนกับการผนวกไต้หวันกลับมาเป็นส่วนหนึ่ง
เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผู้นำจีนประกาศชัดเจนว่า การรวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหม่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน ผู้สังเกตการณ์การเมืองจีนหลายคนระบุว่า ท่าทีและน้ำเสียงของประธานาธิบดีสีต่อประเด็นไต้หวันมีความแข็งกร้าวกว่าปีที่ผ่านๆ มา
ปี 2023 ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ถือเป็นปีที่ผู้นำจีนออกมาแสดงท่าทีและจุดยืนต่อเรื่องไต้หวันบ่อยและแข็งกร้าวมากที่สุดในรอบหลายปี
นอกเหนือจากนั้น ปี 2023 ที่เพิ่งจะผ่านไป ยังเป็นปีที่จีนมีการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย นั่นก็คือ การซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันโดยที่ผ่านมา จีนมักทำการซ้อมรบบริเวณด้านตะวันตกของเกาะไต้หวัน ซึ่งเป็นด้านที่อยู่ใกล้กับแผ่นดินของจีนบริเวณมณฑลฝูเจี้ยน ขณะที่ทางด้านตะวันออกของเกาะไต้หวันซึ่งเป็นทะเลเปิด (มหาสมุทรแปซิฟิก) การซ้อมรบเกิดขึ้นไม่บ่อย
คำถามคือ ท่ามกลางการเลือกตั้งบนสถานการณ์ระหว่างช่องแคบไต้หวันที่ดุเดือดจากการที่จีนออกมาส่งสัญญาณข่มขู่ไต้หวันหลายวิธี เช่น การส่งบอลลูนเข้าน่านฟ้า หรือการพูดถึงประเด็นรวมชาติในวันปีใหม่ของผู้นำจีน สหรัฐฯ มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
สหรัฐฯ สนับสนุนไต้หวันปกป้องตนเองจากจีน
เมื่อวานนี้ อเล็กซานเดอร์ ยุย ผู้แทนไต้หวันประจำสหรัฐฯ ได้เข้าพบกับไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก่อนที่ประธานสภาสหรัฐฯ จะแถลงว่า สหรัฐฯ จะเคียงข้างไต้หวันและช่วยไต้หวันปกป้องตนเอง ตลอดจนช่วยให้ไต้หวันป้องปรามการยั่วยุจากจีนได้
ขณะที่ผู้แทนไต้หวันประจำสหรัฐฯ ได้กล่าวขอบคุณสหรัฐฯ สำหรับจุดยืนที่หนักแน่นในการช่วยเหลือไต้หวันในการปกป้องตนเอง
ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ Taiwan Relations Act ที่ว่าด้วยการมีความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับรัฐบาลไต้หวัน และการปฏิบัตินโยบายที่ตั้งอยู่บนความคลุมเครือ หรือ strategic ambiguity โดยสหรัฐฯ จะสนับสนุนทางการทหารให้ไต้หวันเพื่อปกป้องตนเองได้
แม้สหรัฐฯ จะไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบชัดเจนกับไต้หวัน แต่นโยบายที่คลุมเครือนี้มีประโยชน์ในการปรามจีนไม่ให้ใช้กำลังกับไต้หวัน เพราะจีนกังวลว่าสหรัฐฯ จะใช้กำลังทางการทหารตอบโต้จีนกลับเพื่อปกป้องไต้หวัน
เช็กลิสต์ 18 ศูนย์สอบ ก.พ. แบบ e-Exam ประจำปี 2567
ซูเปอร์คอม ทำนายแชมป์เอเชียน คัพ 2023
เปิดภาพเรนเดอร์-สเปกหลุด iPhone SE 4 มาพร้อมไซส์กะทัดรัด-กล้อง 12MP